Page cover

Add user และ ปิด root

การเพิ่ม user และให้สิทธิ admin และปิดการ login root

ขั้นตอนที่ 1: สร้างผู้ใช้ใหม่ (หากยังไม่มี)

  • ใช้คำสั่ง adduser (ใน Debian/Ubuntu) หรือ useradd (ใน CentOS/RHEL) เพื่อสร้างบัญชีผู้ใช้ใหม่

sudo adduser [ชื่อผู้ใช้ใหม่]
  • ระบบจะให้คุณตั้งรหัสผ่านสำหรับผู้ใช้ใหม่และกรอกข้อมูลอื่นๆ (สามารถกด Enter ข้ามได้)

ขั้นตอนที่ 2: มอบสิทธิ์ Admin (เพิ่มเข้ากลุ่ม sudo หรือ wheel)

  • สำหรับ Ubuntu/Debian

sudo usermod -aG sudo [ชื่อผู้ใช้ใหม่]
  • usermod เป็นคำสั่งสำหรับแก้ไขข้อมูลผู้ใช้

  • -aG หมายถึง เพิ่มผู้ใช้เข้าสู่กลุ่มเสริม (append to supplementary groups) ที่ระบุ โดยไม่ลบกลุ่มเดิมที่มีอยู่

ขั้นตอนที่ 3: ตรวจสอบสิทธิ์

  • หลังจากเพิ่มผู้ใช้เข้ากลุ่มแล้ว คุณสามารถตรวจสอบว่าผู้ใช้มีสิทธิ์ถูกต้องหรือไม่โดยใช้คำสั่ง groups

groups [ชื่อผู้ใช้ใหม่]
  • ในผลลัพธ์ คุณควรเห็นชื่อกลุ่ม sudo หรือ wheel อยู่ในรายการกลุ่มของผู้ใช้นั้น

ขั้นตอนที่ 4: ทดสอบการใช้งาน

  • สลับไปใช้บัญชีผู้ใช้ใหม่

  • ลองรันคำสั่งที่มีสิทธิ์แอดมิน

  • ระบบจะขอรหัสผ่านของผู้ใช้ใหม่ (ไม่ใช่ root) และถ้าสำเร็จ ควรแสดงผลลัพธ์เป็น root ซึ่งยืนยันว่าผู้ใช้มีสิทธิ์แอดมินแล้ว

การ "ปิด" บัญชี root ใน Linux โดยปกติหมายถึงการป้องกันไม่ให้ผู้ใช้สามารถล็อกอินเข้าสู่ระบบโดยตรงในฐานะ root ได้ เพื่อเพิ่มความปลอดภัยและบังคับให้ใช้ sudo แทน

  1. ล็อครหัสผ่านบัญชี root (วิธีที่แนะนำและใช้บ่อยที่สุด)

  • วิธีนี้เป็นวิธีมาตรฐานในการปิดการใช้งานล็อกอินโดยตรงของ root ในระบบปฏิบัติการส่วนใหญ่ (เช่น Ubuntu จะใช้วิธีนี้เป็นค่าเริ่มต้น) โดยการตั้งค่าให้รหัสผ่านของ root เป็นค่าที่ไม่สามารถใช้งานได้

sudo passwd -l root
  • ผลลัพธ์: เมื่อรันคำสั่งนี้สำเร็จ บัญชี root จะไม่สามารถใช้รหัสผ่านเพื่อล็อกอินผ่านหน้าจอเข้าสู่ระบบ (GUI) หรือผ่าน SSH ได้

  • การแก้ไข (ปลดล็อค): หากต้องการปลดล็อคในภายหลัง สามารถใช้คำสั่ง -u (unlock) ได้: sudo passwd -u root

  1. ปิดใช้งานการล็อกอินผ่าน SSH สำหรับ root

  • เปิดไฟล์ตั้งค่า SSH ด้วยโปรแกรมแก้ไขข้อความ (เช่น nano)

sudo nano /etc/ssh/sshd_config
  • ค้นหาบรรทัดที่มี PermitRootLogin: แก้ไขค่าให้เป็น no:

#PermitRootLogin prohibit-password  <-- อาจจะเจอแบบนี้
PermitRootLogin no                 <-- เปลี่ยนเป็น no
  1. บันทึกและออกจากโปรแกรมแก้ไข (ใน nano คือ Ctrl+O, Enter, Ctrl+X)

  2. รีสตาร์ทบริการ SSH เพื่อให้การเปลี่ยนแปลง

sudo systemctl restart sshd

Last updated